ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การใช้ประโยชน์จาก RFID ในห่วงโซ่อปทานยา

การใช้ประโยชน์จากRFID ในห่วงโซ่อุปทานยา
(ห้ามคัดลอกนะครับ พิมพ์เอา จะได้ทำข้อสอบได้ )

1.ทำไมจึงต้องนำ RFID มาใช้
นำมาใช้ในการตรวจสอบยาปลอม และการติดตามข้อมูลการรักษาย้อนหลังของผู้ป่วย ในกรณีที่ต้องเปลี่ยนแพทย์ในการรักษา ทำให้แพทย์ทราบข้อมูลของผู้ป่วยและสามารถรักษาได้อย่างถูกต้อง และสามารถใช้ในการติดตามตัวผู้ป่วยในกรณีของผู้ป่วยที่เป็นอัลไซเมอร์ (Alzheimer) ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีการใช้ RFID ในสุขภัณฑ์ยา โดยมี Reader ขนาดพกพา ให้ผู้ป่วยที่ตาบอด สามารถถือ Reader มือถืออ่าน Tag ที่ขวดยาและ Reader อ่านออกเสียงให้คนตาบอดทราบได้ว่า เป็นยาอะไร หรือติด Tag ที่รถเมล์ก็ดี เมื่อวิ่งผ่านป้ายที่มี Reader ก็อ่านเลขรถอัตโนมัติคนตาบอดได้ขึ้นได้
RFID หรือ Radio Frequency Identification เป็นไมโครชิพอัจฉริยะ โดยใช้คลื่นความถี่วิทยุเข้ามาช่วยอ่านรหัสเฉพาะ ในขณะที่มีการเคลื่อนไหวพร้อมกันได้หลายชิ้น (Tag) ด้วยความเร็วสูงตั้งแต่ 50 ชิ้นต่อนาที และสามารถอ่านค่าได้ แม้จะอยู่ในระยะไกล ซึ่งจะต่างกับระบบบาร์โค้ดแบบเดิม ซึ่งจะต้องนำสินค้านั้นไปแนบติดกับเครื่องอ่าน (Scanner) หรืออุปกรณ์อ่านค่าบาร์โค้ด ซึ่งมีข้อจำกัดของข้อมูลที่ไม่สามารถให้รายละเอียดได้เหมือนกับ RFID ซึ่งจะมีไมโครชิพ หรือ Digital Chip ซึ่งมีขนาดเล็กมาก แต่มีขีดความสามารถในการเก็บข้อมูลและสามารถส่งสัญญาณวิทยุ แม้แต่ในที่ปิดทึบ โดยอาศัยเสาอากาศรับสัญญาณ เพื่อใช้ในการถอดรหัสส่งเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จะทำให้ RFID เมื่อนำมา
2.ข้อดีและข้อเสียของการนำ RFID มาใช้
ข้อดีของ RFID
 มีความละเอียด และสามารถบรรจุข้อมูลได้มาก
 มีความเร็วในการอ่านข้อมูลสูง
 สามารถอ่านข้อมูลได้พร้อมกัน
 สามารถส่งข้อมูลได้โดยไม่ต้องสัมผัส
 สามารถเขียนทับข้อมูลได้ หรือ นำกลับมาใช้ใหม่
 ระบบความปลอดภัยสูง
 ทนทานต่อสภาพแวดล้อม
 ลดจำนวนพนักงาน
 ลดความผิดพลาด
 ลดปริมาณสินค้าคงคลัง
 ป้องกันการขโมย
 เพิ่มสภาพคล่องให้กับห่วงโซ่อุปทาน
 สามารถนำไปประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ได้มากมาย
 ฯลฯ
ข้อเสียของ RFID
 ราคาชิปสูง
 มาตรฐาน RFID ยังไม่เป็นมาตรฐานสากล
 การละเมิดความเป็นส่วนบุคคล

3.ระบบ RFID ยังสามารถนำไปใช้ในด้านใดได้อีก อธิบายและให้เหตุผลประกอบ
ระบบ RFID ยังสามารถนำไปใช้ในระบบการค้าปลีก และการค้าส่ง (Retail & Wholesaler) โดยห้าง “วอล์ล มาร์ท” ซึ่งเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกและการนำ RFID ไปใช้กับ Supply Chain โดยได้เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2548 โดยการเชื่อมเครือข่ายเริ่มตั้งแต่ เมื่อลูกค้าได้หยิบสินค้าออกจากชั้นวางของ RFID จะส่งสัญญาณไปยังศูนย์รวมเพื่อประมวลข้อมูลสินค้าคงเหลือกับ Safety Stock หลังจากนั้นก็จะส่งใบสั่งซื้อ Order Online Stock ไปยังคู่ค้า Supplier เพื่อให้ผลิตและส่งมอบสินค้ามาทดแทน ทั้งนี้ RFID จะส่งเสริมต่อประสิทธิภาพของ VMI หรือ Vendor Managed Inventory คือ การจัดการควบคุมปริมาณการรับสินค้าจากคู่ค้าให้สอดคล้องกับการผลิตและการส่งมอบ ทำให้ช่วยลดต้นทุนและทำให้การส่งมอบเป็นแบบ Real Time ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงบางตัวอย่างของ RFID ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทต่อการจัดการโซ่อุปทานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและทำให้ระบบซัพพลายเชนเป็น e-Supply Chain อย่างแท้จริง โดยคาดว่าในปี 2008 ทั่วโลกจะมีการใช้ RFID มีมูลค่าประมาณกว่าแสนสองหมื่นล้านบาท ซึ่งระบบโลจิสติกส์ในอนาคตจะขึ้นอยู่กับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการสื่อสาร ขณะที่ผู้ประกอบการไทยยังขาดความรู้และความเข้าใจในการนำเทคโนโลยี รวมทั้ง ระบบ RFID มาใช้เพื่อการจัดการ ทั้งนี้ ในยุคที่การค้าเสรีภายใต้ข้อตกลง FTA มาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศผู้นำเข้าจะมีความรุนแรง การพิสูจน์แหล่งที่มาของของสินค้าเพื่อความปลอดภัย รวมถึง มาตรการป้องกันการก่อการร้าย จะเพิ่มดีกรีมากขึ้น จำเป็นที่ประเทศผู้ส่งออกอย่างประเทศไทย ซึ่งไม่สามารถต่อรองอะไรได้มากนักในเวทีเศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศ โดยภาครัฐจะต้องให้ความสำคัญ รวมทั้ง องค์กรภาคเอกชน เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะต้องเข้ามามีส่วนสำคัญในการผลักดันให้มีการกำหนดเป็นวาระแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์และนวัตกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับ

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

กรณีศึกษาไอทีกับงานซ่อมบำรุงที่โรงพยาบาลศิริราช

สรุปปัญหาของงานซ่อมบำรุงของโรงพยาบาลศิริราช ก่อนที่จะนำระบบไอทีมาใช้งานและวิเคราะห์ไอทีกับงานซ่อมบำรุงของโรงพยาบาลศิริราช ตามหัวข้อดังนี้
1 . เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ตอบ มี
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หมายถึงการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน โดยอาศัยช่องทางการสื่อสารข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ และการใช้ทรัพยากรของระบบร่วมกัน (Shared Resource) ในเครือข่ายนั้น
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีองค์ประกอบที่สำคัญ เพื่อการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (File Server) ช่องทางการสื่อสาร (Communication Chanel) สถานีงาน (Workstation or Terminal) และ อุปกรณ์ในเครือข่าย (Network Operation System)

2 . อินเทอร์เน็ต
ตอบ มี
เครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย
ควรจะมีเป็นอย่างยิ่ง เพื่อใช้ในการสืบคันข้อมูลต่าง ๆ เช่นค้นหาเครื่องมืออุปกรณ์ ค้นหาความรู้เกี่ยวกับการซ่อมของที่ชำรุด

3 . พานิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ตอบ
การดำเนินธรุกิจการค้าหรือการซื้อขายบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เนต โดยผู้ซื้อ (Customer) สามารถดำเนินการ เลือกสินค้า คำนวนเงิน ตัดสินใจซื้อสินค้า โดยใช้วงเงินในบัตรเครดิต ได้โดยอัตโนมัติ ผู้ขาย (Business) สามารถนำเสนอสินค้า ตรวจสอบวงเงินบัตรเครดิตของลูกค้า รับเงินชำระค่าสินค้า ตัดสินค้าจากคลังสินค้า และประสานงานไปยังผู้จัดส่งสินค้า โดยอัตโนมัติ กระบวนการดังกล่าวจะดำเนินการเสร็จสิ้นบนระบบเครือข่าย Internet

4 . ระบบสารสนเทศประมวลผลธุรกรรม
ตอบ
ระบบสารสนเทศประมวลผลธุรกรรม (Transaction Processing Systems: TPS) เป็นระบบที่มีการประมวลผลที่รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย และ ทำหน้าที่รวบรวม บันทึกข้อมูลในแฟ้มข้อมูล หรือฐานข้อมูล และประมวลผลข้อมูลที่เกิดจากการทำธุรกรรมและการปฏิบัติงานประจำ ขององค์การเพื่อนำไปจัดทำระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนั้นๆ การประมวลผลข้อมูลของ TPS แบ่งเป็น 2 ประเภท 1) การประมวลผลแบบกลุ่ม 2) การประมวลผลแบบทันที

5 . ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ตอบ
มี เนื่องจากระบบที่ใช้อยู่สามารถทำให้ผู้บริหารเห็นข้อมูลต่างๆรวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามีมากน้อยเพียงใด


6 . ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
ตอบ
มี เพราะเราสามารถรู้ว่ามีปัญหากับอุปกรณ์ใดบ้างและแต่ละปัญหามีความสำคัญมากน้อยเพียงใดควรจะทำการแก้ไขปัญหาใดก่อนหรือหลัง


7 . ระบบสารสนเทศสำหรับผ้บริหารระดับสูง
ตอบ
มี เพราะระบบที่ใช้อยู่มีการสรุปผลจากทุกฝ่ายเพื่อช่วยในการวางแผนทางด้านการตั้งงบประมาณแต่ละปี


8 . ปัญญาประดิษฐ์ ระบบผ็เชี่ยวชาญและระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
ตอบ
ไม่มี ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรมีโดยเฉพาะการวางตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆในสต็อกอาจจะทำเป็นระบบ คล้ายๆการบอกเส้นทางแต่เป็น การ บอกตำแหน่งของอุปกรณ์แทนซึ่งจะทำให้สามารถลดระยะเวลาในการค้นหาได้


9 . ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์
ตอบ
มี เพราะมีการเปลี่ยนการทำงานที่ล่าช้าหรือมีความยุ่งยากให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น


10 . ระบบการวางแผนทรัพยากรในงานอุตสาหกรรม
ตอบ
ไม่มี เพราะยังไม่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงระบบต่างๆที่อาจจะมีความยุ่งยากหรือซับซ้อนรวมทั้งปัญหาทางด้านบุคลากรที่ยังไม่มีความชำนาญ

11 . ระบบสารสนเทศในงานอุตสาหกรรม
ตอบ
มี เพราะในการทำสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมบำรุงมีการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปหลายๆประเภทเข้ามาช่วย


12 . ระบบสำนักงานอัตโนมติ
ตอบ
มี เพราะมีการแจ้งซ่อมอุปกรณ์โดยผ่านทางคอมพิวเตอร์ซึ่งทำให้ลดการใช้เอกสารที่เป็นกระดาษ


การใช้ประโยชน์จาก RFID ในห่วงโซ่อุปทานยา
1 . ทำไมจึงต้องนำ RFID มาใช้
ตอบ
เพราะมีปัญหาในอุตสาหกรรมยา ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับยาล้นสต๊อกและยาที่เก็บจนหมดอายุ รวมไปถึงการป้องกันการปลอมแปลงและช่วยบริหารสต๊อกยาอีกด้วย โดยระบบ RFID นี้จะอำนวยความสะดวกสบายและเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบข้อมูลและประวัติของยาที่ผลิตและจำหน่าย เป็นการลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพในการใช้ยาให้มีความปลอดภัย

2 . ข้อดี - ข้อเสีย ของการนำ RFID มาใช้
ตอบ
ข้อดี

- ทำให้เห็นของในสต๊อกได้ทั้งหมด รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยระบบนี้สามารถตรวจจับยาได้ทุกภาชนะบรรจุไม่ว่าจะอยู่ตรงจุดไหนของโซ่อุปทานก็ตาม ทำให้ง่ายและเร็วต่อการจัดการในการตรวจสอบและขนส่ง

- สามารถควบคุมการสูญหายและปกป้องชื่อเสียงของยี่ห้อผลิตภัณฑ์ คือสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปและจำนวนของสินค้าได้ทุกจุดในโซ่อุปทาน

- ความปลอดภัยในการใช้ผลิตภัณฑ์ยา การเรียกยาคืน และข้อกำหนดต่างๆ โดยระบบ RFID นี้สามารถตรวจสอบยาปลอมรวมทั้งล็อตของยาและวันหมดอายุ ซึ่งมีประโยชน์ในการบริหารการหมดอายุของยา และช่วยลดระยะเวลาในการค้นหาสินค้าที่ต้องการเรียกกลับคืนได้เป็นอย่างดี

ข้อเสีย

- มีราคาแพงอาจไม่คุ้มทุนถ้าหากว่าธุรกิจมีขนาดไม่ใหญ่

- การดูแลระบบอาจเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ

- เป็นการเพิ่มภาระต้นทุนในการทำธุรกิจ


3 . RFID ควรนำไปใช้งานด้านใดอีก อธิบายและให้เหตุผลประกอบ
ตอบ
นำไปใช้ในห้องสมุด RFID at Library ขณะนี้ได้มีห้องสมุดของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของไทยได้ลองนำเทคโนโลยี RFID มาใช้นำร่องกับระบบห้องสมุด เพียงติดชิพอาร์เอฟไอดีไว้ที่หนังสือในห้องสมุด แล้วใส่ข้อมูลต่างๆ ของหนังสือเล่มนั้นๆ ไว้ในชิพ อย่างเช่น ข้อมูลชื่อหนังสือ ประเภทหนังสือ ชั้นที่เก็บหนังสือ และติดเครื่องอ่านไว้ตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งการนำเอา RFID มาใช้กับระบบห้องสมุดนี้ โดย RFID จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ดูแลและผู้ที่มาใช้บริการห้องสมุด ไม่ว่าจะเป็น การยืมหรือคืนหนังสือ ที่สามารถทำได้ในคราวเดียว ไม่ต้องมานั่งคีย์ข้อมูลของหนังสือแต่ละเล่มแบบทีละเล่ม หรือไม่ต้องมานั่งยิงบาร์โค้ดไปทีละเล่ม เมื่อผู้ใช้บริการเดินผ่านเครื่องอ่าน เครื่องจะรับส่งสัญญาณวิทยุกับตัวชิพที่ติดในหนังสือ เพิ่มความรวดเร็วในการยืม-คืน เมื่อนำมาใช้ร่วมกับระบบคอมพิวเตอร์ในห้องสมุด จะช่วยตรวจสอบให้ด้วยว่า หนังสือเล่มที่นักศึกษาต้องการได้ถูกยืมไปหรือยัง กับการใช้เพียงระบบคอมพิวเตอร์ในการสืบค้นข้อมูลแบบเก่า ถึงในฐานข้อมูลจะบอกไว้ว่าหนังสือเล่มนี้ๆ ยังไม่มีใครยืมไป ทว่าเมื่อเดินหายังชั้นหนังสือแล้วกลับปรากฏว่า หนังสือได้หายตัวไปเสียแล้ว แต่กับห้องสมุดที่นำ RFID มาใช้ เพียงเครื่องอ่านที่บริเวณชั้นหนังสือได้รับสัญญาณจากชิพว่าหนังสือถูกเก็บไว้ผิดที่ผิดทาง ก็จะระบุออกมาได้ว่าหนังสือเล่มนี้ๆ ขณะนี้ไปปรากฏตัวที่ชั้นหนังสือนี้ๆ เป็นการป้องกันการซ่อนหนังสือห้องสมุด แม้แต่ปัญหาการขโมยหนังสือของห้องสมุดก็สามารถป้องกันได้ เพราะชิพที่ติดที่หนังสือนี้เมื่อเดินทางผ่านเข้ามาในบริเวณพื้นที่รัศมีการอ่านของเครื่องอ่าน ก็จะได้รับและส่งสัญญาณวิทยุคุยกับเครื่องทันที และด้วยความเป็นคลื่นวิทยุนี้จึงช่วยให้สามารถส่งสัญญาณทะลวงออกมาจากกระเป๋าที่จะใช้ซ่อนหนังสือได้

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

ตอบคำถาม ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์

ข้อ 1. อธิบายความหมายของกลยุธ์ และระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์
คำตอบ.
กลยุทธ์ (Strategy) คือ แผนรวมขององค์การที่นำเอาข้อได้เปรียบและจุดเด่นในด้านต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ และปรับลดจุดด้อย หรือเอาชนะข้อจำกัดที่มีอยู่เพื่อแสวงหาโอกาสและหลีกเลี่ยงอุปสรรคซึ่งจะทำให้องค์การสามารถอยู่รอดเจริณเติบโตได้ในระยะยาวรวมทั้งสามารถเอาชนะคู่แข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด

ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ เป็นระบบสารสนเทศใด ๆ ที่ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันหรือลดความเสียเปรียบให้องค์การ

ข้อ 2. องค์การสามารถเลือกใช้กลยุทธ์ใดได้บ้างเพื่อรับมือแรงกดดันทางการแข่งขัน
คำตอบ.
1) กลยุทธ์ในการเป็นผู้นำด้านราคา (Cost Leadership Strategy)
2) กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง (Differentiation Strategy)
3) กลยุทธ์เน้นกลุ่มเป้าหมาย (Focus Strategy)

ข้อ 3. กิจกรรมของห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) มีอะไรบ้าง และจงยกอย่างของระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในแต่ละกิจกรรม
คำตอบ.
กิจกรรมมีดังนี้
1) กิจกรรมหลัก (Primary Activities)
- การลำเลียงเข้า (Inbound Logistics)
- การดำเนินงานหรือการผลิต (Operations)
- การลำเลียงออก (Outbound Logistics)
- การตลาดและการขาย (Marketing and Sales)
- การบริการ (Services)
ยกตัวอย่าง การบริการ (Services)เช่น โปรแกรมการซ่อมแซมผลิตภัณฑ์
2) กิจกรรมสนับสนุน (Support Activities)
- โครงสร้างพื้นฐานของบริษัท (Firm Infrastructure)
- การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resoure Management)
- การพัฒนาเทคโนโลยี (Technology Management)
- การจัดหา (Procrument)ระบบสารสนเทศจะถูกนำมาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ของห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เพื่อปรับปรุงกระบวนการการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย หรือเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ ซึ่งอาจรวมถึงการสร้างสินค้าและบริการใหม่

ข้อ 4. กลยุทธ์ธุรกิจ (Business Strategy) กับกลยุทธ์ระบบสารสนเทศ (IS Strategy) และกลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Strategy) มีความสัมพันธ์กันอย่างไร จงอธิบาย
คำตอบ.
แผนกลยุทธ์ธุรกิจจะเป็นแนวทางในการกำหนดทิศทางของแผนกลยุทธ์ระบบสารเทศ ในขณะที่แผนกลยุทธ์ระบบสารเทศเป็นเครื่องชี้ทางแผนกลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์การ

ข้อ 5. ระบบสารสนเทศระหว่างองค์การ (Interorganizational System : IOS) มีลักษณะอย่างไรและการที่สามารถเข้าดูข้อทูลในระบบได้จะมีประโยชน์อย่างไรต่อองค์การ
คำตอบ.
เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถนำมาเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงธุรกิจขององค์การกับบริษัทพันธมิตรเข้าด้วยกัน เช่น การใช้ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI) หรือ Internet ในการเชื่อมโยงองค์การเข้ากับผู้จัดส่งวัตถุดิบในการผลิต เพื่อให้มีวัตถุเพียบพอ และในระดับที่เหมาสอกับความต้อวการ ทำให้ไม่ต้องจัดเก็บวัตถุดิบไว้ในคลังมากเกินความจำเป็นซึ่งเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บวัตถุดิบลง
องค์การทำการเชื่อมโยงผู้จัดส่งวัตถุดิบเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสารสนเทศกันและสามารถทำงานร่วมกันได้ ผู้จัดส่งวัตถุดิบสามารถเข้ามาดูข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการผลิตของบริษัททางอิเล็กทรอนิกส์ได้ และทำการจัดวัตถุดิบให้ในเวลาที่ต้องการใช้โดยอัตโนมัติโดยที่องค์การไม่จำเป็นต้องออกใบสั่งซื้อ ซึ่งช่วยให้ลดขั้นตอนการดำเนินงานจากเดิม ลดการใช้กระดาษและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงได้ ทั้งองค์การและผู้จัดส่งวัตถุดิบจึงเป็นผู้รับผิดชอบในร่วมกันการผลิต

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ระบบปัญญาประดิษฐ์

1 ตัวอย่างระบบงานที่เกี่ยวข้องกับระบบปัญญาประดิษฐ์
1. สาขาวิชาคริตศาสตร์จะเกี่ยวข้องกับเรื่องการพิสูจน์ทฤษฏีต่างๆในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนด้านเกมส์ต่างๆเช่นการเล่นOXหมากรุกฝรั่ง
2. สาขาจิตรวิทยาในเรื่องการฟังและการวิเคราะห์ปัญหาทางจิตซึ่งการพัฒนาสิ่งดังกล่าวเกิดขึ้นโดนผ่านผู้เชี่ยวชาญโปรแกรมหมากรุกฝรั่งในช่วงแรกๆเป็นโปรแกรมที่ได้มาจากการใช้กำลังของเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นการทำงานโดยการคำนวณผลกระทบของการเดินแต่ละครั้งเพื่อจะได้รู้ว่าวิธีการเดินแบบไหนจึงจะดีที่สุดซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ป็นวิธีการเล่นของมนุษย์เพราะวิธีการเดินแต่ละก้าวของมนุษย์ล้วนมาจากประสบการณ์และกฏเกณฑ์การปฏิบัติฉนั้นถ้าโปรแกรมหมากรุกอาศัยการทำงานแบบกฏเกณฑ์ด้านการปฏิบัติก็หมายถึงเทคนิคด้านการประดิษฐ์
2 สมมุติว่าท่านเป็นผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ท่านจะนำข้อมูลในเรื่องใดบ้างมาประกอบการตัดสินใจ การบริหารงานของท่าน จงยกตัวอย่าง
1 ด้านการเงิน
จัดหาแหล่งเงินทุนต่าง ๆ เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในทุก ๆ ด้าน
2 ด้านการตลาด
ทำการวิเคราะห์แนวทางของตลาดว่าต้องการอะไร แบบไหน จัดหาวัสดุอุปกรณ์ สำหรับกระบวนการผลิต
3 ดูแลสวัสดิการพนักงาน
จัดหาสวัสดิการต่าง ๆ ที่เหมาะสม พิจารณาปรับเพิ่ม หรือปรับลด เงินเดือนพนักงาน ตามภาวะทางเศรษฐกิจ

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คำถามท้ายบทที่ 5

1. ความหมาย และองค์ประกอบหลักของระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
ในความเป็นจริงแล้วรายงานชนิดต่างๆ ยังไม่สามารถตอบคำถามที่เกิดขึ้นในขบวนการตัดสินใจได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากรายงานเหล่านั้นยังไม่สามาถนำมาใช้ได้ทันต่อเหตุการณ์และยังไม่สามารถนำมาทดสอบเพื่อดูผลของการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องพัฒนาระบบสนับสนุนการตัดสินใจขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้จัดการสามารถหาคำตอบของคำถามต่างๆ เพื่อทำการตัดสินใจด้วยการใช้ตัวแบบทางคณิตศาสตร์หรือแผนภาพได้ดีขึ้น ความหมายของระบบสนับสนุนการตัดสินใจคือ ระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยผู้ตัดสินใจที่ต้องเผชิญกับปัญหาที่มีโครงสร้างระดับต่างๆ โดยสามารถทดสอบผลการตัดสินใจในการแก้ปัญหาด้วยตัวแบบข้อมูลและทำการวิเคราะห์ผลที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจช่วยในการตัดสินใจปัญหาได้หลากหลายรูปแบบ สามารถช่วยในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน เช่น ผู้ผลิตต้องการหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่หรือโรงงานน้ำมันต้องการเลือกสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการขุดเจาะหาน้ำมัน ซึ่งจะเห็นว่าระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการทั่วไปไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ แต่ระบบสนับสนุนการตัดสินใจสามารถช่วยแนะนำทางเลือกในการปฏิบัติและช่วยในการตัดสินใจเพื่อหาคำตอบของปัญหาเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ระบบสนับสนุนการตัดสินใจยังเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจการบริหารรูปแบบต่างๆ ดังนั้นจึง จำเป็นต้องสามารถรองรับรูปแบบการตัดสินใจของผู้ใช้ที่หลากหลายด้วย
2. ลักษณะและความสามารถของระบบสนับสนุนการตัดสินใจมีอะไรบ้าง
- สนับสนุนการตัดสินใจทั้งในสถานการณ์แบบกึ่งโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง
- สนับสนุนการทำงานของผู้บริหารได้หลายระดับ
- สนับสนุนการตัดสินใจแบบเฉพาะบุคคลและแบบกลุ่ม
- สนับสนุนการตัดสินปัญหาที่เกี่ยวพันซึ่งกัน
- สนับสนุนทุกขั้นตอนของกระบวนการตัดสินใจ
- สนับสนุนการตัดสินใจหลายๆรูปแบบ
- สามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการจัดการเงื่อนไขต่างๆ มีความยืดหยุ่นสูง
- สามารถใช้งานได้ง่าย- เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
- สามารถควบคุมทุกขั้นตอนในการตัดสินใจได้
- ผู้ใช้สามารถสร้างและปรับปรุงระบบ DSS ขนาดเล็กแบบง่ายๆได้ด้วยตนเอง
- มีการใช้แบบจำลองต่างๆ
3. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจขั้นสูงมีความแตกต่างจากระบบผู้เชี่ยวชาญอย่างไร- ระบบสนับสนุนการตัดสินใจจะช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของมนุษย์ ผู้ใช้ระบบทำการตัดสินใจเอง และป้อนข้อมูลฐานระบบขอบเขตกว้างและซับซ้อน ไม่มีความสามารถในการให้เหตุผลและจำกัดความสามารถในการอธิบาย ส่วน
- ระบบผู้เชี่ยวชาญ มีวัตถุประสงค์ในการทดแทนคำแนะนำของในมนุษย์ มีระบบทำการตัดสินใจและระบบคำถามกับผู้ใช้ ขอบเขตแคบและเฉพาะเจาะจง มีความสามารถในการให้เหตุผลอย่างจำกัด และมีความสามารถในการอธิบาย
4. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจกลุ่มมีประโยชน์ และแตกต่างจากระบบสนับสนุนส่วนบุคคลอย่างไร- ระบบสนับสนุนการตัดสินใจกลุ่ม เป็นการตัดสินปัญหาบางส่วนในองค์การต้องอาศัยการตัดสินใจในรูปของคณะกรรมการหรือคณะทำงานประโยชน์ของระบบสนับสนุนการตัดสินใจกลุ่ม
1. ช่วยเตรียมความพร้อมในการประชุม
2. อำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารระหว่างสมาชิก
3. ส่งเสริมและสร้างบรรยากาศในการร่วมมือกัน
4. จัดเตรียมข้อมูลและสารสนเทศที่เหมาะสม
5. ช่วยจัดลำดับความสำคัญของปัญหา
6. อำนวยความสะดวกในการจัดทำเอกสารประกอบการประชุม
7. ช่วยประหยัดเวลาและสามารถลดจำนวนครั้งของการประชุมได้
- ส่วนระบบสนับสนุนการตัดสินใจส่วนบุคคลได้รับการออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของแต่ละบุคคล ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขต่างๆได้ด้วยตนเอง
5.ระบบสนับสนุนการตัดสินใจนำมาใช้ในธุรกิจต่างๆ ด้านล่างนี้ได้อย่างไร จงอธิบาย และยกตัวอย่างประกอบ
5.1 ธุรกิจโรงเรียน ในระดับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เชิงยุทธวิธี และเชิงปฏิบัติการ

ในการจัดทำแผนกลยุทธ์ระดับสถานศึกษา พบว่ามีปัจจัยหลายด้าน ในการนำพา ให้การดำเนินกิจกรรมนี้ประสบความสำเร็จได้ ส่วนที่อยากจะตอกย้ำก็คือเรื่องข้อมูลที่ดี มีคุณภาพ สถิติที่ชัดเจน ผลการดำเนินงานที่เห็นเป็นเชิงประจักษ์ ถ้าเขียนแบบสั้น ๆ ก็คือ ข้อมูลสารสนเทศ ของการทำงานที่ผ่านมา ต้องแน่น มากพอ ที่จะตัดสินใจ ในการทำงานครั้งหน้า นี่เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น นะคะ ทุกอย่างก็ต้องประกอบกันค่ะ จึงจะทำให้แผนการจัดทำนี้สำเร็จได้
หลักสำคัญที่จะช่วยให้สมาชิกทีมวางแผนกลยุทธ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นคือ
หลักการที่ 1 : ให้เวลาค่อนข้างมากในการสำรวจค่านิยมพื้นฐานของหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งของกลุ่มผู้นำระดับอาวุโส และรวมทั้งของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญ ๆ ด้วย ก่อนที่จะเริ่มพัฒนาองค์ประกอบอื่น ๆ ของแผนกลยุทธ์
หลักการที่ 2 : ให้ผู้นำระดับอาวุโสของหน่วยงานมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกขั้นตอนของแผนกลยุทธ์ทั้งการพัฒนาและการนำไปใช้
หลักการที่ 3 : รวบรวมข้อมูลจากทุกส่วนของหน่วยงาน รวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญ ๆ ด้วยทุกกลุ่ม
หลักการที่ 4 : สร้างภาพวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตโดยกล้ามองข้ามอุปสรรคในสถานการณ์ปัจจุบัน
หลักการที่ 5 : การสร้างทีมวางแผนกลยุทธ์ จำเป็นต้องมีผู้แทนจากทุกกลุ่มหรือทุกด้านที่สำคัญของหน่วยงานหรือของแต่ละส่วนงาน เลือกคนดีมีความเหมาะสม
หลักการที่ 6 : บุคลากรทุกระดับขององค์การรวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญ ๆ ควรได้อ่านและให้ข้อคิดเห็นก่อนที่จะมีการตัดสินใจเลือกดำเนินการต่อไป ร่างแผนกลยุทธ์
หลักการที่ 7 : ในการอภิปราย ต้องการความจริง แม้ว่าบางครั้งความจริงบางอย่างอาจจะทำให้บางคนไม่สบายใจก็ตาม เพื่อให้แผนมีฐานอยู่บนข้อมูลและสมมติฐานที่แท้จริง
หลักการที่ 8 : พัฒนาแผนกลยุทธ์ด้วยความตั้งใจ จะเกิดความสนุกสนานในการดำเนินการอย่างจริงจัง เนื่องจากแผนกลยุทธ์ขึ้นมาจากชีวิตจิตใจ และเจตนารมณ์ของผู้ร่วมทีมทุกคน
5.2 ธุรกิจโรงพยาบาล ในระดับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เชิงยุทธวิธี และเชิงปฏิบัติการ
วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน แม้จะมีหลายข้อเสีย แต่ก็มีประโยชน์ต่อการตลาดของโรงพยาบาลเอกชนในปัจจุบันไม่น้อย เพราะนอกจากจะทำให้คนไทยเลือกใช้บริการโรงพยาบาลที่เหมาะกับกำลังจ่ายของตัวเองมากขึ้นเป็นผลให้การแบ่งกลุ่มลูกค้าของโรงพยาบาลเอกชนชัดเจนขึ้นแล้ว โรงพยาบาลที่อยู่รอดจากวิกฤตเศรษฐกิจส่วนมากก็คือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่มีรูปแบบการให้บริการที่เด่นชัด มีการรวมกลุ่มที่แข็งแกร่ง และมีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน ทำให้ภาวะการแข่งขันของโรงพยาบาลในปัจจุบันแม้จะทวีความรุนแรงขึ้น แต่ก็มีจำนวนผู้เล่นน้อยลง การแข่งขันจึงเป็นไปในเชิงคุณภาพมากขึ้น

กลยุทธ์เพิ่มคุณค่าโรงพยาบาลไทย
1. บุกตลาดอินเตอร์
เพราะจำนวนผู้ป่วยคนไทยของโรงพยาบาลเอกชนน้อยลงจากวิกฤติเศรษฐกิจทำให้ผู้ประกอบการหลายแห่งหันมาสนใจตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง ประกอบกับมาตรฐานที่ค่อนข้างสูงของโรงพยาบาลไทยจำนวนมากในปัจจุบันที่พร้อมรักษาชาวต่างชาติ นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการกลายเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแห่งใหม่ในภูมิภาคเอเชียในอนาคต
§ จำนวนผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนไทยรวม 400 ราย
§ พร้อมให้บริการชาวต่างชาติ 33 ราย
กลุ่มลูกค้าหลักได้แก่ ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เจ็บป่วย นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย และ ผู้ป่วยต่างชาติที่ตั้งใจเข้ามารักษาในประเทศไทย
§ ตลาดใหญ่คือ ญี่ปุ่น 1.3 แสนคน อเมริกา 5.9 หมื่นคน อังกฤษ 4.1 หมื่นคน
§ ภายในปี 2-3 ปีข้างหน้า รัฐบาลคาดว่าจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติจะเพิ่มเป็น 2 เท่า คือ 1 ล้านคน มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 15% ซึ่งคิดเป็นมูลค่าบริการประมาณ 27,000 - 30,000 ล้านบาท
5.3 ธุรกิจผลิตรถยนต์ ในระดับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เชิงยุทธวิธี และเชิงปฏิบัติการ
เครื่องมือที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ พัฒนาขึ้นมาขจัดความสูญเปล่านี้ได้แก่ การผลิตแบบทันเวลาพอดี ( just - in - time - production) หรือ JIT กับการใช้เครื่องจักรแบบอัตโนมัติที่ควบคุมตนเองได้ (automation)ในสายการผลิตแบบปกติธรรมดาทั่ว ๆ ไปนั้น สถานีงานที่หนึ่งจะผลิตชิ้นส่วนป้อนสถานีงานที่สอง สถานีงานที่สองจะผลิตชิ้นส่วนป้อนสถานีงานที่สาม….ไปจนถึงสถานีงานรองสุดท้ายผลิตชิ้นส่วนป้อนสถานีงานสุดท้าย ทำให้ชิ้นส่วนจากสถานีงานหนึ่งถูกดันไปยังสถานีงานถัดไป หากสถานีงานถัดไปนั้นยังไม่จำเป็นต้องใช้ ชิ้นส่วนก็จะค้างและเสียเวลารอคอยให้ใช้อยู่อย่างนั้น เมื่อหมดเวลาทำงานในแต่ละวันจะมีสินค้าระหว่างผลิตค้างอยู่ในสายการผลิตเป็นจำนวนมาก แต่ในสายการผลิตแบบ JIT จะทำย้อนกลับ กล่าวคือสถานีงานที่หนึ่งจะไม่ป้อนชิ้นส่วนให้สถานีงานที่สอง หากสถานีงานที่สองไม่ขอให้ส่งชิ้นส่วนไปให้สถานีงานที่สาม ตราบเท่าที่สถานีงานที่สามไม่ขอให้ส่งชิ้นส่วนไปให้……สถานีงานรองสุดท้ายจะไม่ป้อนชิ้นส่วนให้สถานีงานสุดท้าย ตราบเท่าที่สถานีงานสุดท้ายไม่ขอให้ส่งชิ้นส่วนไปให้ โดยวิธีนี้แทนที่ชิ้นส่วนจะถูกดันจากสถานีงานหนึ่งไปยังสถานีงานถัดไปกลับกลายเป็นว่าชิ้นส่วนจะถูกสถานีงานถัดไปมาดึงเอาจากสถานีงานที่อยู่ก่อนหน้า โดยการใช้วิธีนี้ เมื่อต้องการให้รถยนต์รุ่นใดสำเร็จออกไปจากสายการผลิต สถานีงานสุดท้ายก็จะดึงเอาชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์รุ่นนั้นมาจากสถานีรองสุดท้าย สถานีรองสุดท้ายจะดึงเอาชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์รุ่นเดียวกันมาจากสถานีก่อนหน้า…...ไปจนถึงสถานีงานแรก การผลิตแบบนี้ทำให้สามารถผลิตรถยนต์ได้หลายรุ่นในสายการผลิตเดียวกัน จึงตอบสนองความต้องการหรือสร้างความพอใจให้แก่ความอยากได้ของลูกค้าได้ดีกว่า และยังสามารถขจัดความสูญเปล่าชนิดที่หนึ่งถึงหกได้อีกด้วยเครื่องมือที่สถานีงานต่าง ๆ ใช้ดึงเอาชิ้นส่วนที่ต้องการจากสถานีงานที่อยู่ก่อนหน้านี้เรียกว่า คัมบัง (kanban) ซึ่งโดยรูปศัพท์หมายถึงแผ่นป้ายหรือบัตร ปกติทำด้วยกระดาษแข็งระบุชิ้นส่วนที่ต้องการใช้เอาไว้อย่างถาวร แต่ถ้ามองในแง่ระบบ คัมบังก็คือระบบการสื่อสารอย่างหนึ่งนั่นเอง
การใช้คัมบังไปดึงเอาชิ้นส่วนที่ต้องการ ในจังหวะเวลาที่ต้องการ ทำให้ผลิตสินค้าออกมาได้ทันเวลาที่ต้องการพอดี ในสายการผลิตที่ใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ (automatic) แบบธรรมดานั้นหากมีการผลิตชิ้นส่วนผิดไปจากเกณฑ์กำหนดที่ตั้งไว้ เครื่องจักรนั้นจะผลิตออกมาโดยไม่หยุด เช่น ถ้าตั้งเกณฑ์กำหนดให้ผลิตน๊อตมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 นิ้ว อนุญาตให้คลาดเคลื่อนได้ไม่เกิน 0.025 นิ้ว เครื่องจักรนั้นก็จะผลิตออกมาเรื่อย ๆ ต่อมาจะเป็นด้วยสาเหตุใดก็ตาม เครื่องจักรนั้นเกิดผลิตน๊อตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 0.532 นิ้ว (เกินเกณฑ์กำหนดไป 0.007 นิ้ว) ออกมาซึ่งนำไปประกอบเข้ากับชิ้นส่วนอื่นไม่ได้ เครื่องจักรอัตโนมัติแบบธรรมดานี้จะยังคงผลิตน๊อตที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้นั้นต่อไปจนกว่าพนักงานควบคุมเครื่องจะมาหยุดเดินเครื่องจักร นั่นหมายความว่าความสูญเปล่าชนิดที่เจ็ดได้เกิดขึ้นมากมายแล้ว แต่เครื่องจักรอัตโนมัติที่ควบคุมตนเองได้ (automation) จะหยุดเดินเครื่องด้วยตัวเองทันทีที่ปรากฏว่าผลิตชิ้นส่วนแตกต่างไปจากเกณฑ์กำหนดออกมา ระบบการผลิตของโตโยต้า ดังกล่าวมานี้ได้ขยายไปยังบริษัทในเครือและบริษัท ที่ผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงานประกอบรถยนต์ของโตโยต้า ทั้งหมดแล้วเริ่มแพร่หลายออกไปยังโรงงานทั่วประเทศญี่ปุ่นและขยายไปทั่วโลกโดยมีชื่อหลักว่าระบบการผลิตแบบญี่ปุ่น (Japanese production system) หรือ JIT production ดังกล่าวและมีชื่อรองอีกสองชื่อคือ stockless production กับ zero inventory production ปัจจุบันในวงการอุตสาหกรรมการผลิตยอมรับกันว่าระบบการผลิตแบบโตโยต้าล้ำหน้าไปไกลกว่าระบบการผลิตของ Taylor (บิดาแห่งการบริหารงานเชิงวิทยาศาสตร์) กับระบบการผลิตของ Henry Ford (บิดาแห่งการผลิตแบบมวล หรือ ) เสียอีก

ความสำคัญของการบริหารการผลิตในเชิงยุทธศาสตร์

ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจนั้น นอกจากจะต้องเอาชนะใจลูกค้าให้มาซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทแล้ว ยังต้องเอาชนะคู่แข่งขันอีกด้วย แนวทางในการเอาชนะคู่แข่งขัน มีอยู่ด้วยกันหลายมิติ แต่ที่ฝ่ายการผลิตต้องรับผิดชอบโดยตรง มีดังนี้

1. ประสิทธิภาพของต้นทุน (cost efficiency) เป็นที่ทราบกันดีว่าองค์การทางธุรกิจใดมีความสามารถในการผลิตสิน้คาและ / หรือบริการออกมาโดยมีต้นทุนต่ำ ย่อมสามารถกำหนดราคาสินค้าให้เป็นที่พอใจของลูกค้าได้ดี โดยที่กำไรไม่ลดลง เพราะ กำไร = ราคา - ต้นทุน ยิ่งถ้าเป็นการผลิตจำหน่ายอยู่ในตลาดแข่งขันเสรีที่มีกลไกของตลาดทำหน้าที่กำหนดราคาด้วยแล้ว การลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำที่สุดยิ่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นอาวุธที่จะเอาชนะคู่แข่งขันได้โดยไม่ยาก ฝ่ายการผลิตเป็นหน่วยงานหลักที่ได้ชื่อว่าใช้ทรัพยากรและสินทรัพย์ทุนมากที่สุดในบริษัท จึงต้องรับภาระหนักที่สุดในด้านประสิทธิภาพของต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพของต้นทุนอาจทำได้หลายวิธี เช่น การลดค่าโสหุ้ย การใช้อุปกรณ์การผลิตชนิดอเนกประสงค์ การใช้ประโยชน์จากระบบการผลิตอย่างเต็มกำลัง การควบคุมวัตถุดิบอย่างใกล้ชิด การเพิ่มผลิตภาพให้สูงสุด และการจ้างแรงงานในอัตราต่ำ เป็นต้น
2. คุณภาพ (quality) คุณภาพเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ต้องการแม้ว่าบางครั้งอาจต้องชำระ ราคาเพิ่มขึ้นบ้างเพื่อ “คุณภาพพิเศษ” ของผลิตภัณฑ์ ผู้บริโภคก็เต็มใจที่จะชำระในกรณีปกติทั่ว ๆ ไป ถ้าตัวแปรอื่น ๆ คงที่ คือเท่ากันในทุก ๆ บริษัทที่ประกอบการอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ของบริษัทใดเหนือกว่าในด้านคุณภาพ ผลิตภัณฑ์นั้นย่อมมีโอกาสขายได้มากกว่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ทักษะของพนักงาน ตรงของอุปกรณ์การผลิต การจูงใจและสร้างความภูมิใจให้แก่พนักงาน การชี้แจงให้พนักงานทราบถึงมาตรฐานของการทำงาน เป็นต้น
3. ความเชื่อถือได้ (dependability) หมายถึง การกระจายผลิตภัณฑ์ออกครอบคลุมตลาดให้มากที่สุด ให้ทั่วถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฝ่ายการผลิตซึ่งรับผิดชอบในการผลิตสินค้า ต้องผลิตออกมาให้ได้ตรงตามกำหนดเวลาในตารางการผลิต และยังต้องรับผิดชอบในการขนส่งไปยังจุดหมายปลายทางให้ตรงตามกำหนดเวลาอีกด้วย อันจะเป็นการทำให้ตลาดสามารถหาซื้อได้สะดวกทุกสถานที่และทุกเวลาที่อยากซื้อความเชื่อถือได้อาจสร้างขึ้นมาได้หลายวิธี เช่น การกำหนดตารางการผลิตที่มีประสิทธิผล การป้องกันอาการขัดข้องของอุปกรณ์การผลิต การป้องกันการลา การขาด หรือการลาออก การป้องกันการนัดหยุดงาน การเพิ่มจำนวนสินค้าคงคลัง หรือการสร้างพันธกิจให้พนักงานปฏิบัติตามความประสงค์ของบริษัท เป็นต้น
4. ความยืดหยุ่น (flexibility) การใช้ระบบการผลิตที่มีระดับความเป็นอเนกประสงค์สูง สามารถปรับเปลี่ยนให้ผลิตสินค้าได้มากมายหลายรุ่นหลายแบบ สนองตอบต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ได้รวดเร็ว และสามารถปรับอัตราเร็วในการผลิตได้ง่าย ความยืดหยุ่นยิ่งมีมาก ก็ยิ่งทำให้บริษัทสามารถควบคุมมิติทางด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ได้มาก นั่นคือโอกาสที่จะสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าจะมีมากขึ้นตามไปด้วย หากคู่แข่งขันมีความยืดหยุ่นน้อยกว่า บริษัทย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบเชิงการแข่งขันความยืดหยุ่นจะเกิดขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อผู้รับผิดชอบในการบริหารการผลิตรู้จักติดต่อผู้จำหน่ายวัตถุดิบที่เชื่อถือได้ ส่งวัตถุดิบได้รวดเร็ว รู้จักสำรองกำลังการผลิต ใช้พนักงานที่มีความชำนาญงานหลายด้านสามารถโยกย้ายสับเปลี่ยนงานได้ตลอดเวลา รู้จักควบคุมการไหลของงานอย่างมีประสิทธิผล จัดหาอุปกรณ์การผลิตที่ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง หาวิธีการที่จะปรับแต่งเครื่องจักรโดยใช้เวลาและตันทุนน้อยที่สุด และกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างผู้ทำหน้าที่ในการออกแบบผลิตภัณฑ์กับการผลิตให้ดี มีความใกล้ชิดหรือรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นต้นมิติทั้งสี่นี้มีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อการวางตำแหน่งการผลิต (production positioning) ซึ่งหมายถึง การเลือกนะบบการผลิตว่าจะให้มีคุณลักษณะมุ่งเน้นไปในมิติใดจึงจะทำให้บริษัทเกิดความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันมากที่สุด Hayes และ Wheelwright (1984 : 31) กล่าวว่า การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในการบริหารการผลิตมีอยู่ด้วยกัน 8 ประเด็นดังแสดงในตารางที่ 2.1 โดยสี่ประเด็นแรกเป็นการตัดสินใจที่จะผูกพันบริษัทไปในระยะยาว อันเป็นการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ ส่วนสี่ประเด็นหลังเป็นการตัดสินใจในระยะสั้นที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานวันต่อวัน อันเป็นการตัดสินใจเชิงยุทธวิธี
5.4 ธุรกิจขายรถยนต์ ในระดับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เชิงยุทธวิธี และเชิงปฏิบัติการ
โปรแกรมตรวจสอบราคารถยนต์
5.5 ธุรกิจโรงแรม ในระดับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เชิงยุทธวิธี และเชิงปฏิบัติการ
โปรแกรมเช็คข้อมูลการทองเที่ยว
5.6 ธุรกิจผลิตน้ำแข็ง ในระดับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เชิงยุทธวิธี และเชิงปฏิบัติการ
โปรแกรมการสั่งการปิดเปิดระบบไฟฟ้า
5.7 ธุรกิจผลิตน้ำมัน ในระดับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เชิงยุทธวิธี และเชิงปฏิบัติการ
โปรแกรมการสั่งจ่ายน้ำมันจากหัวจ่าย
5.8 ธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก ในระดับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เชิงยุทธวิธี และเชิงปฏิบัติการ
โปรแกรมการสั่งซื้อวัตถุดิบ

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

โปรแกรมช่วยในการตัดสินใจ


โปรแกรม ทดลองเลือกสียางจัดฟัน
ข้อดีของโปรแกรมนี้ก็คือ ผู้ที่จัดฟันสามารถเลือกสีของยางที่รองเหล็กตัดฟันว่าจะใช้สีอะไรหรือใช้แบบผสมผสาน

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

EPR